Sunday, May 31, 2015

เที่ยวลาวใต้ 3 วัน 2 คืน มหัศจรรย์สารพัดน้ำตก วันที่ 1

ทริปลาวใต้นี้ เป็นทริปที่ซื้อที่พักพร้อมกับทัวร์ จากงานไทยเที่ยวไทย 2558 ที่ผ่านมา แพคเกจทัวร์ของเราในครั้งนี้ก็คือ รีสอร์ทบ้านอีตู้รวม อาหารทุกมื้อตลอดทั้งทริป รถรับ-ส่งสนามบิน และพาเที่ยวตลอดทั้ง 3 วัน 2 คืนในราคา 6,500 บาทต่อท่าน ซึ่งอยากจะบอกว่าคุ้มจริง

หลังจากที่ทำการจอง เราต้องแจ้งวันและเวลาที่จะเดินทางมาถึงสนามบินอุบลราชธานี เพราะจะมีรถจากทางรีสอร์ทมารับถึงสนามบินอุบลฯ

เรามาถึงสนามบินอุบลฯในตอนเช้าเวลาประมาณ 8:30 มีคนขับรถมารอเราอยู่ด้านนอกของสนามบิน เรารอคนร่วมทริปอีก 2 คนที่เดินทางมาด้วยสายการบินอื่น รอประมาณ 15 นาทีก็ครบคณะ สำหรับทัวร์ ทางรีสอร์ทจะจัดให้มีสมาชิกโดยประมาณ 8 คนเป็นอย่างน้อย ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่อยากรวมกับใครก็สามารถเพิ่มเงิน อีกนิดหน่อยสู่เพื่อจะได้เที่ยวกันเองในกลุ่ม

จุดนัดพบ อยู่ด้านนอกของอาคารสนามบิน



สำหรับทริปนี้ เรามากัน 2 คน เพื่อมารวมกับคนอื่นๆอีก 6 คน ปรากฏว่าวันเดินทางจริง 4 คนถอนตัวไป จึงทำทริปนี้มีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 4 คน

หลังจากที่ทำความรู้จักกับคนในทริปพอเป็นพิธี เราออกเดินทางจากสนามบินอุบลฯ โดยรถตู้สู่ช่องเม็กซึ่งเป็นด่านชายแดนไทย-ลาว ใช้เวลาในการเดินทางอีก 1 ชั่วโมง 45นาที (ประมาณ 100 ก.ม.)  


รถตู้ทะเบียนอุบลคันนี้ เป็นรถตู้ที่พาเราท่องเที่ยวตลอดทั้งทริป ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรถเป็นสัญชาติลาวให้เสียกำลังย้ายของ สะดวกมาก ทำให้มีความคิดอยากขับรถเที่ยวระหว่างประเทศแถวๆนี้เองบ้าง :)



ระหว่างทางรถตู้จอดให้เข้าห้องน้ำและซื้อขนมนมเนย 1 ครั้ง ดั้งนั้น อยากได้อะไรฝั่งไทย ก็จงรีบซื้อไว้ แต่หากขาดเหลืออะไรเราก็สามารถไปซื้อได้ที่ฝั่งลาว ราคาสูงกว่าฝั่งไทยเล็กน้อยหรือเท่ากันแต่จะขายเป็นเงินกีบ ซึ่งเราสามารถซื้อได้เป็นเงินไทย เขาก็จะกดเครื่องคิดเลขเทียบอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1,000 กีบ เท่ากับ 5 บาท เงินทอนก็จะเป็นเงินบาทผสมเงินกีบให้ดูสนุกสนานบวกลบเล่น เราไม่จำเป็นต้องแลกเงินเป็นเงินกีบมาใช้ที่นี่ใช้เงินบาทช็อปปิ้งได้เลย

เมื่อถึงช่องเม็ก เราลงจากรถพร้อมพาสปอร์ตเพื่อทำการผ่าน ต.ม. เราไม่ต้องใช้วีซ่าในการมาเที่ยวลาวเพียง 3 วัน 2 คืน ใช้พาสปอร์ตเข้าได้เลย



ด่านช่องเม็ก



สำนักงานตรวจหนังสือเดินทาง


สุดเขตประเทศไทย




ผ่านต.ม. ก็จะต้องเดินรอดอุโมงค์ข้ามฝั่ง สาเหตุที่ทำเป็นอุโมงค์นั้น คาดเอาเองว่าหากมีคนร้ายขนยาระหว่างประเทศจะได้ไล่จับกันง่ายๆอยู่ภายในรูนั้นเลย


ออกมาปลายทางก็เดินมุ่งไปที่ขาย duty free ฝั่งลาว หยิบจับ เดินดูนั่นนี่เพื่อรอรถตู้คันเดิมทำเรื่องผ่านเข้าประเทศลาวเข้ามารับเราเพื่อเดินทางไปต่อ 


แม่ค้าฝั่งลาว

เบียร์ลาวที่รสชาติกลมกล่อมใน Duty Free


กาแฟดาว ของOTOP ขึ้นชื่อใน Duty Free



นั่งรถต่อมาอีกหนึ่งชั่วโมง ก็ได้เวลาทานอาหารกลางวัน ซึ่งอยู่ระหว่างทาง ร้านนี้เป็นร้านที่รับแต่กรุ๊ปทัวร์เท่านั้น

อาหารมื้อแรก ต้อนรับเข้าประเทศลาว


อิ่มแล้ว เราก็เดินทางต่อไปเรื่อย รถตู้แวะพักให้ซื้อของที่ ตลาดเช้าดาวเรือง หรือตลาดใหม่ปากเซ
ตลาดนี้เป็นศูนย์รวมขายของมากมาย ของจากไทย เวียดนาม เครื่องเงินและผ้าทอของลาว ก็มีเยอะ สาเหตุที่ชื่อตลาดเช้าดาวเรือง ก็เพราะว่า ตลาดเช้าคือตลาดที่ขายของตอนกลางวัน ส่วนดาวเรืองก็คือคุณนายดาวเรือง เจ้าของกาแฟจากประเทศลาวชื่อดัง ชื่อ "กาแฟดาว"  ที่มีขายในบ้านเราด้วย อันนี้บอกไว้ เผื่อใครลืมซื้อของฝากตอนมาเที่ยวลาว ก็สามารถแอบไปซื้อกาแฟดาวในซุปเปอร์มาร์เก็ตบ้านเรา แล้วแอ๊บบอกว่าหิ้วมาจากลาวแต้ๆ ก็ทำได้เช่นกัน แต่มีข้อควรระวัง คือ "ระวังโดนจับได้"

ใครงงว่ากาแฟดาวคืออะไร สามารถดูคลิปโฆษณาได้ที่ https://youtu.be/OjCyqdDvQdo 




ด้านหน้าตลาดเช้าดาวเรือง



นอกจากคุณนายเป็นเจ้าของธุรกิจกาแฟและเจ้าของตลาดนี้แล้ว คุณนายยังทำธุรกิจอะไรอีกตั้งหลายๆอย่าง เอาเป็นว่าคุณนายรวยมาก

ขอเม้าท์เรื่องคุณนายต่อ... ความจริงแล้ว "ดาวเรือง" เป็นชื่อลูกสาวคนโตของคุณนาย คุณนายชื่อจริงๆชื่อ"เหลื่อง" เป็นภาษาเวียดนาม เพราะความจริง คุณนายเป็นคนเวียดนามนั่นเอง

คนลาวนับถือคนเวียดนามตรงที่ขยันนี่แหละ คนเวียดนามทำธุรกิจเก่ง ขยันและอดทน คนลาวเที่ยบไม่ได้เลย (อันนี้คนลาวพูดออกมาเอง) คุณเหลื่อง มาแต่งงานกับคุณหมอผ่าตัดชาวลาว มีลูกสาวคนแรก ให้ชื่อว่า "ดาวเรือง" ซึ่งต่อมาใช้ชื่อ "ดาว" ชื่อลูกสาวเป็นชื่อธุรกิจของแกทั้งหมด


บ้านคุณนายดาว


พูดถึงลูกครึ่ง ถ้าลูกครึ่ง ลาว-เวียดนาม นี้ เขาเรียกว่า "เวียดเกียว" ถ้าเป็นลูกผสมกับชาติอื่นๆ คนลาวเรียกว่า "ลูกซ่อน" จะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ของลาวและเวียดนาม ค่อนข้างแน่นหนาเมื่อเทียบกับความสัมพันธ์ของลาวกับประเทศอื่นๆ

ออกจากตลาดช่วงบ่ายกว่าๆ มาถึงวัดพู ก็ประมาณบ่าย 2 โมง ถึงแดดไม่แรงเท่าตอนเที่ยง แต่กระแสความร้อนที่ส่องออกมาก็ทำผิวแสบได้เหมือนกัน วัดพูนี้ เป็นปราสาทหินในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่1 สร้างก่อนนครวัดที่เขมร  วัสดุที่ใช้ก็จะเป็นหินทราย เช่นเดียวกับปราสาทหินอื่นๆในแถบเขมร ไทย ลาว




ขอชื่นชมระบบการจัดการสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศนี้ว่า ดีเกินคาด แทบทุกๆที่ มีรถกอล์ฟบริการ ไม่ต้องเดินให้เมื่อย

รถกอล์ฟบริการที่วัดพู



ทางเดินเข้าวัด



ทางเดินเข้าของวัด ด้านข้างจะเป็นเสาสลักดอกบัวตูม ในสมัยก่อน ทางเดินนี้เป็นทางเดินของพระราชาเดินเข้ามาเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาฮินดู ระหว่างทางจะมีหญิงสาวพรหมจรรย์ ยืนต้อนรับตลอดทาง ในสมัยหนึ่งจึงมีการสร้างเสาเป็นรูปดอกบัวตูม ซึ่งเปรียบแทนกับเหล่าหญิงพรหมจรรย์ดังกล่าว



ทางเดินเข้าวัดอีกภาพ และเสาทรงดอกบัวตูม


โบสถ์ด้านหน้า


พื้นทางเดิน ลักษณะทำให้คล้ายเกร็ดพญานาค แต่สมัยก่อนคงเรียงเป็นระเบียบกว่านี้

ทางเดินขึ้นด้านบนของวัด ชันท้าทายความสามารถดี


ทางเดินจะมุ่งเข้าสู่โบสถ์ซึ่งมีองค์พระประธานประดิษฐานอยู่


ทับประตูพระอิศวรทรงช้าง ทับประตูไฮไลท์ของวัดนี้


นางอับสรข้างโบสถ์


มีคนมาก่อปราสาทหินเอาเคล็ดมากมายด้านหลัง




ด้านหลังส่วนซ้ายมือของวัด มีถ้ำเล็กๆที่มีน้ำซึมมาจากด้านบน เขาถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ นำมาลูบหน้าลูบหัว


จากด้านหลังโบสถ์ที่ประดิษฐานพระประธาน  หากดูให้ดีๆ จะเห็นได้ว่าวัดนี้ถูกสร้างซ้อนกัน 2 สมัย สมัยแรกจะได้รับอิทธิพลมาจากชนชาติจาม ดูจากบางส่วนของวัดที่สร้างจากอิฐ ต่อมาวัดก็ได้รับอิทธิพลของขอม โบสถ์ที่ถูกสร้างต่อมาจึงเป็นหินทราย


อาคารด้านหน้าสร้างจากอิฐ ด้วยอิทธิพลจากชนชาติจาม โบสถ์หินทรายด้านหลังเป็นของขอม


ถัดไปไม่ไกลมีแผ่นหินสลักพระตรีมูลติ ซึ่งมี พระพรหมณ์ พระศิวะ และพระนารายณ์ ที่หลายคนนิยมขอพรเรื่องความรัก


เดินเลียบริมผาไปอีก ก็จะเห็นแผ่นสลักรูปจระเข้ เขาว่าเป็นแผ่นสลักที่เอาไว้รองคนที่จะถูกทำการบูชายันต์ จะเป็นชายและหญิงบริสุทธิ์หนึ่งคู่ ไม่แน่ใจว่าเค้าจะหมดลมกันตรงแผ่นนี้เลย หรือจะไปหมดลมกันตรงที่ถูกโยนลงไปในหลุมแล้วตอกเสาทับกันแน่ เอาเป็นว่าความโหดร้ายได้จบสิ้นกันไปแล้วละกัน




เดินไปจนสุดมุมด้านขวา จะพบกับหินสลักรูปช้าง ความจริงเขาว่า รูปช้างนี้ควรจะมี 3 เศียร เฉกเช่นช้างที่เป็นพาหนะของพระอิศวร แต่สันนิษฐานว่า คนแกะทำเป็นแกะไม่เสร็จ เพราะสำหรับการสร้างปราสาทหิน ใครแกะหินดีแกะหินสวย ก็จะได้รับการเชิญมาแกะให้กับปราสาทต่างๆ แกะเสร็จก็จะถูกฆ่าตกตายไปตามกัน เพราะเดี๋ยวสมองไหล ไปสร้างปราสาทอื่นให้งามกว่า หลักการนี้ใช้กับปราสาทของขอมทุกปราสาท เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าทำตัวเก่ง จะเป็นภัย โง่ซะบ้างก็ดีเหมือนกัน 555




รูปจากมุมสูงถ่ายตอนขาลง แก้เก้อตอนขาสั่น ไต่ลงไม่ไหว

เดินจบทุกมุมของวัดพู ก็เป็นอันเดินทางต่อ โอว... เขียนมายาวขนาดนี้ยังไม่ถึงที่พักที... ไป เราไปที่พักกัน


นั่งรถกันมาอีก 2 ชั่วโมง ในที่สุดก็ถึง บ้านอีตู้ วอเตอร์ ฟอล์ รีสอร์ท จนได้ รีสอร์ทแห่งนี้เป็นรีสอร์ทที่มีน้ำตกบ้านอีตู้อยู่ในรีสอร์ท ดูเหมือนว่าที่ประเทศลาวนี้ บริเวณน้ำตกที่ท่องเที่ยว ทางการจะอนุญาตให้เอกชนมาสัมปทานทำธุรกิจได้ หลายๆน้ำตกที่นี่จะเห็นว่า การบริหารจัดการ เป็นของเอกชนทั้งสิ้น มาดูบรรยากาศที่พักกันเลย


บ้านพักในรีสอร์ท

เตียงนอน

ผ้าเช็ดตัว Resort I-TU WATER FALL

วิวจากระเบียงบ้านพัก

พื้นบริเวณที่พัก


ดอกไม้ในรีสอร์ท อากาศค่อนข้างเย็น ดอกลิลลี่ถึงขึ้นได้

ดอกว่านบริเวณรีสอร์ท

สะพานไม้ข้ามลำธารเหนือน้ำตกขึ้นไป

เมล็ดกาแฟในสวนกาแฟของชาวบ้านแถวๆนั้น



ทางเดินลงน้ำตกในรีสอร์ทบ้านอีตู้


น้ำตกอีตู้ ในรีสอร์ท

น้ำตกอีกรูป (เสียดายไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมา T_T)

ทางขึ้นจากน้ำตกอีตู้กลับไปบริเวณที่พัก



หลังจากเดินสำรวจสถานที่กันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารค่ำ


Signature น้ำพริก "น้ำพริกบ้านอีตู้"

 ต้มฟักนึ่งมะนาว อร่อยมวากกกกก


ผัดฟักแม้ว


ตบท้ายมืออาหารด้วยเบียร์ลาวซักนิด


ค่ำคืนดึกดื่น เดินทางกันมายาวไกล ก็ขอจบวันแต่เพียงเท่านี้

โปรดติดตามตอนต่อไป... http://luxurybarefoot.blogspot.com/2015/05/3-2-2.html

ดูรีวิวอื่นๆ >> Review List

4 comments:

  1. น่าไปขี่มอไซค์เที่ยว

    ReplyDelete
  2. ใช่ น่าขี่ทะลุไปเขมรด้วย แต่ไม่ต้องซื้อพระมานะ ไม่เอา ;)

    ReplyDelete
  3. A blog must be connected to the person in need. It is really important to understand the actual feel of such necessity and the essence of objective behind it. Author must give proper time to understand every topic before writing it.ราคาเช่ารถตู้พร้อมคนขับ

    ReplyDelete
  4. Gracefully written information on this blog are going to support me for my coming assignments. Every point was very clear and taught me few new parameters. I would like to use this information in coming future.Taxi Charter Service

    ReplyDelete