Sunday, April 19, 2015

Phuket Old Town at Night

โดยปกติคนส่วนใหญ่มาย่านเมืองเก่าภูเก็ตเพื่อมาเดินเที่ยวเก็บภาพในตอนกลางวัน เพราะสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส รวมถึงสีสันของตึกก็สดใสได้ใจ หากคราวนี้อยากขอแนะนำท่านที่ชอบการถ่ายภาพ มาลองเดินเล่นเมืองเก่าภูเก็ตยามค่ำคืนดูบ้าง ก็ดูน่าตื่นตาตื่นใจไปอีกแบบ เพราะถึงแม้สีสันของตึกจะเห็นได้ยากยามค่ำคืน ทางการภูเก็ตก็ไม่หวั่น เปิดไฟสีสันสดใสส่องตัวตึกสไตล์ชิโนโปรตุกีส ที่ส่วนใหญ่มีอายุ ร่วม 100 ปี ให้สว่างสดใสเป็นสีต่างๆ ตลอดช่วงถนนถลาง ให้แมลงเม่าอย่างเราได้ตื่นตาตื่นใจ

เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม อย่าลืมนะ อย่าลืม ขาตั้งกล้อง นำไปด้วย และเลนส์ Wide (ถ้ามี) เพราะถ้าไม่มี ก็จะได้อย่างที่เห็นในบล็อกนี่แหละค่ะ ขอเก็บตังค์แพ๊บบบ นึง ถ้าอยากได้ flair งามๆจากแสงไฟ ขอให้ท่านตั้งรูรับแสงให้แคบเล็กจิ๋ว โดยประมาณแล้วอยู่ที่ f14 - f22 แล้วแต่ว่าอยากได้ขา (flare) ที่ดวงไฟกี่ขา ถ้าตั้ง f14 ก็จะน้อยขา f22 ดวงไฟแต่ละดวงในภาพก็จะขาเยอะเป็นดอกจันทน์กันเลยทีเดียว ความไวชัตเตอร์ให้ช้าๆ เอาไว้ ดูดแสงให้มากๆ อยู่ที่ประมาณ 1 วินาที จนถึง 30 วินาที กันเลย ส่วน ISO ก็ตั้งค่าต่ำๆประมาณ 100 - 200 เพราะถ้าตั้ง Auto หรือ ตั้งเป็น พันขึ้นไป สิ่งที่ได้ก็คือรูปจะแตก หรือที่เค้าเรียกกันว่า grainy นั่นเอง

ในความเป็นจริง ผู้เขียนก็ไม่ได้โปรกล้องเท่าไหร่ ไม่ได้เข้าเรียนวิทยายุทธจากสำนักไหน แต่มีความชอบและความบ้าคลั่งส่วนตัว ในการถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก ต้องแอบเรียนรู้จากปรมาจารย์หลายท่านอยู่เนืองๆ

สำหรับนักช็อป ก็ขอแนะนำให้มาเดินถนนถลางในวันอาทิตย์ เพราะมีถนนคนเดินให้ได้ชิม ได้ช็อป ฟังวงดนตรีบรรเลงสดบนถนน งานนี้ไม่ได้มาวันอาทิตย์เพราะเน้นถ่ายรูป (เพราะถ้ามาวันอาทิตย์จะเน้นกินและเดินชิว กล้องถ่ายรูปและขาตั้งกล้องจะกลายเป็นสิ่งเกะกะไป)

ขอเริ่มรูปแรกเลย ก็แล้วกัน
ตึกนี้เป็นตึกของธนาคารกสิกรไทย เป็นตึกสร้างใหม่ อยู่ตรงข้ามโรงแรม ออน ออน ที่เขาว่าเป็นโรงแรมแห่งแรกของภูเก็ต บนถนนตะกั่วป่า ตั้งตระหง่านงามโดดเด่นขาวโพลน มีคนมาที่นี่เพื่อถ่ายภาพเยอะมาก มีมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันยามค่ำด้วยนะ

ใต้ตึกธนาคารกสิกรไทย


โรงแรมออน ออน ซึ่งตอนนี้มีชื่อใหม่ว่า The Memory of On On เพราะเปลี่ยนโฉมโดยสิ้นเชิงจากโรงแรม ออน ออน เก่า ที่หนุ่ม ลีโอนาโด้ ซึ่งตอนนี้ไม่หนุ่มแล้ว เคยมาถ่ายภาพยนต์เรื่อง The Beach
ด้านในตกแต่งสไตล์ โมเดิลชิโนโปรตุกีส น่าชักภาพไปทุกซอกทุกมุม ณ. จุดนี้ ขออุบรูปของโรงแรมไว้ก่อน แล้วจะเอามาฝากคราวหน้า เพราะเดี๋ยวมันจะกลายเป็น รีวิวโรงแรมไปซะ

 รูปบนถนนถลาง
 รูปบนถนนถลางอีกรูป


 ซอยรมณีย์ บนนถนนถลาง ใครมาเมืองเก่าภูเก็ตก็ไม่วาย ต้องมาชักภาพที่นี่ และอย่างที่บอกไป ทางการภูเก็ตมีไฟสีสันสดใส ส่องตัวตึกเก่าให้มีความน่าสนใจ แถมไฟเปลี่ยนสีได้ด้วยนะ ย่านทองหล่อ ก็ทองหล่อเถอะ

รมณีย์สีเขียว

รมณีย์สีม่วง
ตึกบนถนนถลางตอนเป็นสีแดง



ถนนถลางอีกภาพ

เราขับรถมาอีกนิดเพื่อมาเก็บภาพวงเวียนหอนาฬิกาเก่า เพราะเริ่มเมื่อยขา เหงื่อแตก แต่เราก็ยังอยากจะเก็บภาพกันต่อไป

รูปนี้ถ่ายหน้าร้านกาแฟ The Circle ซึ่งยามที่ถ่ายร้านปิดไปแล้ว เพราะเปิดถึง 2 ทุ่ม เลยอดกินเค้กมะพร้าวแสนอร่อย ซึ่งวันหลังถ้ามีโอกาสจะรีวิว ให้อ่านนะจ๊ะ


ปิดอัลบัมด้วยรูปนี้แหละคร่า ณ.จุดนี้หิวน้ำเต็มที ต้องจรลีไปหาที่เย็นๆ ด่วน 

ก่อนไป มีแผนที่เดิน เมืองเก่าภูเก็ตมาฝาก เผื่อใครงง เพราะก็เหมือนเมืองตามจังหวัดอื่นๆ ทั่วไป ที่เป็น oneway ทำให้ดูงงงวย สับสน

หากใครสนใจ ก็ขอเชิญมาเดินเล่นถ่ายภาพกันได้ที่ ภูเก็ตเมืองเก่าแห่งนี้ ทั้งฟ้าแจ้งและฟ้ามืด

ก็ขอจบการเขียนบล็อกเพียงแค่นี้... ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ

ดูรีวิวอื่นๆ >> Review List


Friday, April 17, 2015

1 Day Trip @ Tachai Island

1 วัน ชิลล์ๆ ที่ เกาะตาชัย


ในที่สุดก็ได้มีโอกาสมาซักที ตาเอ๋ย...ตาชัย... ทริปนี้เป็นทริป 1 วัน สำหรับท่านทึ่พำนักอยู่บริเวณ จ.พังงา หรือ อยู่โรงแรมในจังหวัดภูเก็ต ครั้งนี้เราใช้บริการของ Wow Andaman ค่ะทัวร์เกาะตาชัยของบริษัทนี้ จะมีรถรับส่งกันถึงโรงแรมเลยทีเดียว ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 300 - 500 บาทตามระยะทางใกล้ ไกล รถจะมารับ ประมาณ 6.00 โมงเช้า เพื่อไปที่ท่าเรือของบริษัทซึ่งอยู่แถว ทับละมุ จังหวัดพังงา

หากใครสนใจจะไปเที่ยวเกาะนี้ โปรดทราบด้วยว่ามีการจำกัดฤดูกาลในการเที่ยวนะคะ คือ เกาะจะเปิดให้เข้าไปช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึง พฤษภาคม ของทุกปี แต่จะเป็นวันไหนนั้นต้องเช็คดูอีกที เนื่องจากขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและช่วงเวลาของมรสุม

สิ่งของที่ควรเตรียมมาด้วยในการเดินทางครั้งนี้

1) ทุกสิ่งทุกอย่างที่กันแดดได้ ไม่ว่าจะเป็น ครีมกันแดด แว่นตากันแดด หมวก ผ้าคลุม
2) ผ้าเช็ดตัว ความจริงทางบริษัทมีผ้าเช็ดตัวให้บริการคนละ 1 ผืน ย้ำ 1 ผืนเท่านั้น ไว้ใช้เช็ดตัวเล่นน้ำก็เปียกพอตัว พกได้ด้วยอีกผืนในการอาบน้ำก่อนกลับดีกว่า
3) อุปกรณ์ในการอาบน้ำ สบู่ แชมพู และ เครื่องสำอาง
4) อะไรอื่นๆ ที่คิดว่าสำคัญ เช่น พรอพคอลเลคชั่นไว้ถ่ายแบบบนผืนทราย หมวกปีกกว้าง ผ้าพริ้วไหว 

ขนมนมเนย อะไร นั้นไม่สู้จำเป็น เพราะของกินที่ทางบริษัททัวร์เตรียมให้ ก็เกือบจะทำให้กลิ้งกลับบ้านได้แล้ว 


เคาน์เตอร์เช็คอินเมือมาถึงท่าเรือ ประมาณ 9:00น.

จากนั้นก็มี ไลน์ให้ตักอาหารเช้าทาน ซึ่งทุกอย่างรวมอยู่ในแพคเกจแล้ว


ไลน์อาหาร ซึ่งก็จะมี ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยวผัด ซีเรียล นม ขนมปังปิ้ง ชา และ กาแฟ

ที่ให้ยืมอุปกรณ์ดำน้ำ สน็อคเกิ้ล อย่างที่กล่าวไว้ ทุกอย่างไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมทั้งสิ้น


แผนที่เกาะตาชัย ทางบริษัทจะพาไปดำน้ำ 2 จุด หรือถ้าใครไม่สนใจดำน้ำ ก็สามารถนอนอาบแดดชมวิวอยู่ที่หาดหน้าเกาะ ได้ สบายใจกันไปอีกแบบ

เรือแต่ละลำ จะมีพี่ไกด์ และทีมงานดูแล มีการบรี๊ฟกันก่อนขึ้นเรือ ทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ

หลังจากนั้น ประมาณ 10:00 เราก็เริ่มออกเดินทางกัน

นั่งเรือสะเทือนเครื่องในกันเป็นเวลา 45 นาที ในที่สุดก็มีถึงเกาะตาชัยจนได้ (เกือบถอดใจ แต่ถ้าถอดก็ไม่รู้จะหันหัวกลับไปทางไหน) พอเห็นสีน้ำทะเลเท่านั้น โอ้ว...สีทะเล สวยปิ๊งขนาดนี้ ไส้เลื่อนก็ยอม...
ความจริงระหว่างทาง บนเรือมีเครื่องดื่มแจกตลอด แต่เหมาะสำหรับคนที่มีความสามารถพิเศษเท่านั้น ลองพยายามดื่มโค้กจากกระป๋องดูแล้ว ผลที่ได้คือ นอกจากปากที่ได้รับรสชาติของโค้กจากกระป๋องแล้ว จมูกก็ยังได้ลิ้มรสด้วย รวมไปถึงแก้ม และ หู และ หน้าตักของตนเอง แทบจะอาบกันเลยทีเดียว

จำนวนนักท่องเที่ยวในวันนั้น

เด็กเรือ

สถานที่รับประทานอาหาร ที่ทางวนอุทยานจัดเตรียมไว้ให้ อาหารที่เตรียมไว้ให้นั้น ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพราะรวมในแพคเกจเป็นที่เรียบร้อย


 บริเวณที่ทำการอุทยาน มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เดินชมพอย่อย ใช้เวลาในการเดินประมาณ 15 นาที ไฮไลท์ของเส้นทางนี้ก็คือ ปูไก่ ซึ่งตัวใหญ่ยักษ์มาก อาจไม่เท่ากับขนาดของไก่โตเต็มไวตามชื่อ แต่ก็เที่ยบเท่าขนาดเท่ารองเท้าผ้าใบได้เลยทีเดียว ข้อสำคัญคือ ถ้าจะหาปูไก่ อย่าเดินเร็ว ตาต้องสอดส่าย ถ้าตาไม่ดี แนะนำให้เดินตามไกด์ โชคดีกะจะเจอ โชคไม่ดีแต่อยากเจอ ต้องกลับมาดูใหม่เที่ยวหน้า

ภาพเด็กๆ เล่นน้ำ

ภาพผู้ใหญ่เดินชิว

งามบริสุทธิผุดผ่อง ทรายขาว น้ำฟ้าสีปิ๊ง

ภาพน้ำทะเล ถ่ายจากเรือ มาฝากอีกภาพ น่าฉงนที่ทำไมถึงเป็นสีนี้ได้ 

เรือจะตีกลับออกจากเกาะเวลา 16:00น. เรานั่งเรือกลับสะเทือนตับไตกันอีกครั้ง



เมื่อถึงท่าเรือทับละมุ ก็มีบุฟเฟ่ต์ ไลน์ ไว้รอท่า บาบิคิว ข้าวเหนียวส้มตำ ไอศครีม ข้าวเหนียวมะม่วง ชาเย็น ให้ดื่มด่ำกันต่อ หรือใครจะพุ่งตรงไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้า ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด บริหารจัดการเวลากันเอง ทำอย่างไรก็ได้ให้ทันรถรับ-ส่ง ที่จะออกเดินทางกลับเวลา 17:30น.

ก็เป็นอันจบทริป 1 วัน กับเกาะตาชัย สนุกสนานได้ผิวสีแทนกันไปฝากญาติๆที่บ้าน ด้วยประการฉะนี้

ดูรีวิวอื่นๆ >> Review List







Tuesday, April 14, 2015

เที่ยวเชียงใหม่สุดสัปดาห์ 3 วัน 2 คืน

3 วัน 2 คืน
เดินเล่น นิมมานต์ - ดอยอินทนนท์ - ผาช่อ - ตัวเมืองเชียงใหม่ - ดอยสุเทพ

ได้มีโอกาสเดินช้อปปิ้งงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่34 มี.ค. 2558 เลยได้ voucher ที่พัก โรงแรม AT NIMMARN มานอนเล่น 2 คืน เปลี่ยนบรรยากาศ จึงคันไม้คันมือ มาแชร์กับให้เพื่อนๆ ดังนี้จ้า



วันที่ 1

เดินเล่นนิมมานต์ - วัดอุโมงค์

เดินทางถึงสนามบินเชียงใหม่ ประมาณ 10:00น. และรับกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย เราก็พุ่งตรงไปที่เคาน์เตอร์รถเช่า ที่ได้ซื้อvoucher จากงานไทยเที่ยวไทย
11:00 ออกจากสนามบิน เพื่อนำกระเป๋าไปเก็บไว้ที่โรงแรม
13:30 หลังจากเดินสำรวจโรงแรมและสรรพสิ่งบริเวณ ถนนนิมมาน เราก็ได้เข้ามาอยู่ในร้าน Salad Concept ปากซอยนิมมานเหมินทร์ 13 ร้านอาหารของคนรักสุขภาพ หาข้อมูลได้ต่อที่ http://www.thesaladconcept.com/

แอบแวะร้าน iberry พี่โน้ส ด้วยนะ


14:30 เราเริ่มทริปถ่ายรูปของเรากับสถานที่แรก วัดอุโมงค์

ประวัติโดยคร่าวๆ ก็คือว่า วัดนี้สร้างตั้งแต่สมัยพระยามังราย ปีพ.ศ.1839 ประมาณ 700 กว่าปีมาโน่น พร้อมๆกับการสร้างตัวเมืองเชียงใหม่ เป็นวัดที่น่าสนใจและแปลกกว่าวัดอื่นๆ เพราะมีอุโมงค์ให้เดินโดยรอบ เหมาะสมกับการได้ถ่ายภาพวัดแปลกๆ

พระโบราณรอบๆวัด



อุโมงค์เก่าแก่

ช่องอุโมงค์ที่ใหญ่ที่สุด

ช่องอุโมงค์ย่อย



15:30 หลังจากวัดอุโมงค์ เราตัดสินใจกลับที่พักไปเก็บภาพยามค่ำคืน และเอนหลังเพิ่มเติม ความจริง ได้ถ่ายภาพที่พักไปบางส่วนตั้งแต่ตอนเช็คอิน ขอนำภาพที่พักมารวมกันให้ได้ชม ดังนี้
สถานที่: @นิมานต์ หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.atnimanchiangmai.com/
โรงแรมนี้เป็นโรงแรมเล็กๆอยู่ในซอยนิมมานต์5 สไตล์การตกแต่งแบบ โมรอคเคี่ยนผสมเนปาลี กิ๊บเก๋ เหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง

ทางขึ้นไปล็อบบี้ ป,ล. โรงแรมนี้ ไม่มีลิฟท์ แต่มีคนช่วยยก

โถงด้านล่าง

ห้องนั่งทานกาแฟและของว่าง ที่มีไว้ให้แขกหนุบหนับตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ตุ๊กตาบนโต๊ะกาแฟ

กาแฟ กับ ดอกไม้ (กาแฟที่มีให้แขกเป็นกาแฟจากเครื่องทำกาแฟนะคร้า ไม่ใช่กาแฟผง)

มุมผลไม้ คาดว่าให้แขกหยิบทานได้

สระว่ายน้ำจุ๋มจิ๋ม

เตียงในห้องนอนของเราคืนนี้ ห้องนี้มีชื่อว่า "กุมารี"

อ่างอาบน้ำที่ลงไปคู้ตัวแช่ได้ แบบจุ๋มจิ๋ม

ระเบียงในห้องพัก

หน้าโรงแรมยามค่ำคืน

รูปโต๊ะนั่งเล่น อีกภาพ
ที่นั่งทานอาหารเช้า



19:00 เริ่มหิวแล้ว... เราเดินสำรวจ ซอกซอยต่างๆ หาของกิน ความจริงมีร้านอาหารมากมาย ทั้งไทยและเทศ เนื่องจากทริปนี้มีสามีตาน้ำข้าวมาด้วย เลยต้องหาอะไรนมเนยหน่อย แต่เราไม่เข้าร้านมั่ว ลองเช็คเรทติ้งใน social media และคนบริเวณนี้ ก็ได้ที่แลนด์ดิ้ง ตรงไปที่ร้านพิซซ่าลันตา ซ. นิมมานเหมินทร์ 5 จากปากทางเข้าไปเพียง 200 เมตร ร้านอยู่ทางซ้ายมือ



วันที่ 2

ดอยอินทนนท์ - ผาช่อ

8:00 ทานอาหารเช้า unique breakfast ที่โรงแรม 
9:00 ออกเดินทางไป ดอยอินทนนท์ เพื่อไปเก็บภาพบรรยากาศบนดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทยนี้ อยากบอกว่าอากาศด้านบนสดชื่นมาก ต่างจาก บรรยากาศด้านล่างที่ร้อนฉ่าอบอ้าว
พระธาตุบนดอยอินทนนท์ และดอกไม้อันสวยงามตระการตา

สีสันจัดจ้าน




สถูปบนดอยอินทนนท์ เป็นของอดีตเจ้าผู้ครองนครเมืองเชียงใหม่ 



13:00 ทานอาหารกลางวันข้างๆ ศูนย์เกษตรดอยอินทนนท์ ความจริงกำหนดการต้องเป็นไปตามลายแทง คือ ร้านอาหาร "ใน" ศูนย์เกษตรดอยอินทนนท์ ที่ต้องเสียค่าผ่านประตู 20 บาท เขาว่ามาที่นี่ต้องมากินปลาเทร้าต์ แต่ไม่ทราบว่าร้านอยู่ด้านใน มาคราวนี้ตัดสินใจไม่เข้าไปเพราะไม่มีคนเลย (สงสัยไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว) เลยอดลองอาหารตามลายแทง เบนหัวมาทานร้านอาหารข้างๆศูนย์เกษตรแทน ที่นี่ในเมนูเขียนว่า เมนูปลาเทร้าต์กิโลละ 300 บาท หน้าร้านมีบ่อปลาเทร้าต์ 3 บ่อ แหมนะ อุตส่าห์มานะ ก็อยากมาลองปลาเทร้าต์สดๆ อ่ะ 300 ก็ 300 ซิ ผลปรากฏว่า ได้ปลาเทร้าต์เค็ม เอามาย่าง... เสียใจเหมือนโดนม้งมาสวมเขาที่หัว ทำไมถึงเอาปลาเค็มมาเสริฟกันได้หนอ...

15:00 จากดอยอินทนนท์ เราหันหัวกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ทริปนี้ทริปถ่ายรูป เราต้องเก็บภาพทุกสๅภาวะอากาศ และสภาวะประเทศ เอาหล่ะ แวะ "ผาช่อ" ถ่าย canyon เชียงใหม่ซะหน่อย

ผาช่อ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนมาเยี่ยมชมซักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะทางที่ต้องขับเข้ามาจากถนนใหญ่ เป็นลูกรังตลอดสาย แต่เพื่อคอลเลคชั่นภาพเชียงใหม่ของเรา เราต้องขับเพื่อไปเก็บภาพมาให้จงได้

สำหรับการมาเพื่อถ่ายภาพนั้น ขอแนะนำเวลาในการมาดังนี้คือ มาช่วง 9-10 โมงเช้าจะได้แสงงามสาดมาที่หน้าผาใหญ่ (ภาพแรก) หรือ ถ้าเป็นช่วงเย็นก็ประมาณ 4-5 โมงเย็น เพราะแสงจะสาดมาที่ด้านตรงข้าม (ภาพ 2) 



18:00 สะบักสะบอมกับปลาเทร้าต์เค็มมา ครานี้ขอล้างปากล้างคอกับบุฟเฟ่ต์ที่ เลอเมริเดียน เชียงใหม่ ในราคา 699 บาทถ้วน ต่อหัว ราคาน่าคบหา มาตราฐาน Starwood ไม่ชอกช้ำใจเหมือนกินปลาเทร้าต์เค็มอย่างแน่นอน (ยังบ่นไม่เลิก)
ภาพติสๆ ตามสไตล์โรงแรมติสๆ

19:00 เริ่มเดินดูเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืนไปเรื่อย จาก เลอ เมริเดียน เชียงใหม่ ไปชักภาพที่ "ขัวเหล็ก" หรือ สะพานเหล็กข้ามแม่น้ำปิง กันซักนิด...



เดินไปเดินมา คิดได้ว่ามีถนนคนเดินที่ถนนวัวลาย เลยเบนหัวเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้าไปวัวลายทันที อันนี้ไม่ได้เก็บภาพมา เพราะเรื่องช้อปปิ้ง กับผู้หญิงนี่มันไม่เข้าใครออกใคร

20:00 กลับมาเติมน้ำตาลในเลือดที่ร้านเค้ก แถวๆโรงแรมกันอีกที ร้านนี้มีชื่อว่า Mon Blanc Sweet Cafe อยู่บนถนนนิมมานเหมินท์ ปากซอย 2 รสชาติของเค้กชอคโกแลตที่เลือกมานั้น จัดจ้านเข้มข้น เอาเป็นว่าผ่านค่ะร้านนี้ (แต่เมนูอื่นไม่รู้นะ)




วันที่ 3

เมืองเชียงใหม่ - ดอยสุเทพ


8:30 รับประทานอาหาร unique breakfast ของโรงแรม

เมนูมีให้เลือก ต้องแจ้งพนักงานล่วงหน้าว่าเช้าวันพรุ่งนี้ประสงค์จะทานอะไร พนักงานจะได้จัดเตรียมให้ทานตอนเช้า เขาว่ามาว่า เมนูอาหารที่จัดไว้ให้ เสาะหามาจากร้านที่อร่อย เด็ดๆในเมืองเชียงใหม่ น้ำเต้าหู้สไตล์ญี่ปุ่น ข้าวเหนียวห่อใบตองหมูปิ้ง สำหรับคนไทยนิยมแจ่วอย่างเรา ม่วนซื่นนนน.... แต่สำหรับคนที่ต้องการสารอาหารแบบฝรั่งๆ เข้าท้อง ที่นี้ไม่ใช่คำตอบ 


9:30 ขับรถไปจอดในซอยหนึ่ง ตรงถนนวัวลาย และเริ่มต้น เดินทะลวงเมืองไปตามถนนราชดำเนิน จากประตูสวนดอกที่อยู่ด้านซ้ายมือของเมือง ไปยังประตูท่าแพด้านขวา เพื่อเก็บภาพค่ะ อาจมีลัดเลาะไปตามถนนอื่นๆ สำหรับทริปนี้ ไม่ใช่ทริปไหว้พระเก้าวัด แต่เป็นทริปจะไปถ่ายรูปที่ไหนก็ไป ดังนั้น วัดนี่ไปไม่ครบนะคะ ตามอารมณ์เจ๊ค่ะ


credit: http://gordchiangmai.com/images/map-large-print.jpg

แผนที่เมืองเชียงใหม่ที่เดินง่ายๆ



สิงห์สไตล์ล้านนา











ประตูสวนดอก

บรรยากาศตลาดข้างทาง

แมว กับ กำแพงเมืองโบราณ


13:00 รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Girasole Italian Food อยู่ในกาดกลางเวียง ด้านถนนราชดำเนิน ร้านนี้ก็ตามลายแทงจากท่านอื่นๆมาเหมือนกัน เค้าว่ามีดีที่พิซซ่า แต่ตอนนี้ไม่อยากกินพิซซ่า จึงสั่ง ขนมปังกรอบหน้ามะเขือเทศและมอสซาเรลล่าชีส มันกับดอกกะหล่ำอบชีส และรีซอทโต้เห็ด โดยรวมรสชาติอาหารนี่ครบเครื่องเกือบทุกจาน รับรู้ได้ว่าใช้วัตถุดิบได้คุณภาพ รีซอทโต้เห็ด ข้าวหุงนานไปนิด และน้ำรีซอทโต้แห้งไปหน่อย เหมือนอุ่นมานาน อุ่นแล้วอุ่นอีก แต่รวมๆก็ดีค่ะจานอื่นๆอร่อย ราคาเป็นกันเอง
มันฝรั่งและดอกกะหล่ำอบชีส จานนี้ อร่อยล้ำ


14:30 ยังมีเวลาเหลือขึ้นดอยสุเทพอีกหน่อยก่อนกลับบ้าน เลยได้ภาพมาฝากดังนี้ค่ะ ความจริงสำหรับคนที่มีเวลาอีก ก็สามารถเลยไปเที่ยว พระราชวังภูพิงค์ ราชนิเวศน์ ไปดูกุหลาบนานาพันธุ์ และเลยไปดอยปุย ได้อีก แต่ถ้าจะไปถึงดอยปุยจะใช้เวลาเกือบเต็มวันค่ะ คราวนี้ไม่ทัน คงต้องเป็นคราวหน้านะเจ้า...


มาแล้วก็ต้องได้ภาพนี้

หน้าทางเข้าพระธาตุ (ความจริงคนเยอะมาก)

ทางลง

หลังจากลงมาจากดอยสุเทพ ก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องกลับภูมิลำเนาไปตามระเบียบ เจอกันใหม่ review หน้านะจ๊ะ

ดูรีวิวอื่นๆ >> Review List