โดยปกติคนส่วนใหญ่มาย่านเมืองเก่าภูเก็ตเพื่อมาเดินเที่ยวเก็บภาพในตอนกลางวัน เพราะสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส รวมถึงสีสันของตึกก็สดใสได้ใจ หากคราวนี้อยากขอแนะนำท่านที่ชอบการถ่ายภาพ มาลองเดินเล่นเมืองเก่าภูเก็ตยามค่ำคืนดูบ้าง ก็ดูน่าตื่นตาตื่นใจไปอีกแบบ เพราะถึงแม้สีสันของตึกจะเห็นได้ยากยามค่ำคืน ทางการภูเก็ตก็ไม่หวั่น เปิดไฟสีสันสดใสส่องตัวตึกสไตล์ชิโนโปรตุกีส ที่ส่วนใหญ่มีอายุ ร่วม 100 ปี ให้สว่างสดใสเป็นสีต่างๆ ตลอดช่วงถนนถลาง ให้แมลงเม่าอย่างเราได้ตื่นตาตื่นใจ
เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม อย่าลืมนะ อย่าลืม ขาตั้งกล้อง นำไปด้วย และเลนส์ Wide (ถ้ามี) เพราะถ้าไม่มี ก็จะได้อย่างที่เห็นในบล็อกนี่แหละค่ะ ขอเก็บตังค์แพ๊บบบ นึง ถ้าอยากได้ flair งามๆจากแสงไฟ ขอให้ท่านตั้งรูรับแสงให้แคบเล็กจิ๋ว โดยประมาณแล้วอยู่ที่ f14 - f22 แล้วแต่ว่าอยากได้ขา (flare) ที่ดวงไฟกี่ขา ถ้าตั้ง f14 ก็จะน้อยขา f22 ดวงไฟแต่ละดวงในภาพก็จะขาเยอะเป็นดอกจันทน์กันเลยทีเดียว ความไวชัตเตอร์ให้ช้าๆ เอาไว้ ดูดแสงให้มากๆ อยู่ที่ประมาณ 1 วินาที จนถึง 30 วินาที กันเลย ส่วน ISO ก็ตั้งค่าต่ำๆประมาณ 100 - 200 เพราะถ้าตั้ง Auto หรือ ตั้งเป็น พันขึ้นไป สิ่งที่ได้ก็คือรูปจะแตก หรือที่เค้าเรียกกันว่า grainy นั่นเอง
ในความเป็นจริง ผู้เขียนก็ไม่ได้โปรกล้องเท่าไหร่ ไม่ได้เข้าเรียนวิทยายุทธจากสำนักไหน แต่มีความชอบและความบ้าคลั่งส่วนตัว ในการถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก ต้องแอบเรียนรู้จากปรมาจารย์หลายท่านอยู่เนืองๆ
สำหรับนักช็อป ก็ขอแนะนำให้มาเดินถนนถลางในวันอาทิตย์ เพราะมีถนนคนเดินให้ได้ชิม ได้ช็อป ฟังวงดนตรีบรรเลงสดบนถนน งานนี้ไม่ได้มาวันอาทิตย์เพราะเน้นถ่ายรูป (เพราะถ้ามาวันอาทิตย์จะเน้นกินและเดินชิว กล้องถ่ายรูปและขาตั้งกล้องจะกลายเป็นสิ่งเกะกะไป)
ขอเริ่มรูปแรกเลย ก็แล้วกัน
เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม อย่าลืมนะ อย่าลืม ขาตั้งกล้อง นำไปด้วย และเลนส์ Wide (ถ้ามี) เพราะถ้าไม่มี ก็จะได้อย่างที่เห็นในบล็อกนี่แหละค่ะ ขอเก็บตังค์แพ๊บบบ นึง ถ้าอยากได้ flair งามๆจากแสงไฟ ขอให้ท่านตั้งรูรับแสงให้แคบเล็กจิ๋ว โดยประมาณแล้วอยู่ที่ f14 - f22 แล้วแต่ว่าอยากได้ขา (flare) ที่ดวงไฟกี่ขา ถ้าตั้ง f14 ก็จะน้อยขา f22 ดวงไฟแต่ละดวงในภาพก็จะขาเยอะเป็นดอกจันทน์กันเลยทีเดียว ความไวชัตเตอร์ให้ช้าๆ เอาไว้ ดูดแสงให้มากๆ อยู่ที่ประมาณ 1 วินาที จนถึง 30 วินาที กันเลย ส่วน ISO ก็ตั้งค่าต่ำๆประมาณ 100 - 200 เพราะถ้าตั้ง Auto หรือ ตั้งเป็น พันขึ้นไป สิ่งที่ได้ก็คือรูปจะแตก หรือที่เค้าเรียกกันว่า grainy นั่นเอง
ในความเป็นจริง ผู้เขียนก็ไม่ได้โปรกล้องเท่าไหร่ ไม่ได้เข้าเรียนวิทยายุทธจากสำนักไหน แต่มีความชอบและความบ้าคลั่งส่วนตัว ในการถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก ต้องแอบเรียนรู้จากปรมาจารย์หลายท่านอยู่เนืองๆ
สำหรับนักช็อป ก็ขอแนะนำให้มาเดินถนนถลางในวันอาทิตย์ เพราะมีถนนคนเดินให้ได้ชิม ได้ช็อป ฟังวงดนตรีบรรเลงสดบนถนน งานนี้ไม่ได้มาวันอาทิตย์เพราะเน้นถ่ายรูป (เพราะถ้ามาวันอาทิตย์จะเน้นกินและเดินชิว กล้องถ่ายรูปและขาตั้งกล้องจะกลายเป็นสิ่งเกะกะไป)
ขอเริ่มรูปแรกเลย ก็แล้วกัน
ตึกนี้เป็นตึกของธนาคารกสิกรไทย เป็นตึกสร้างใหม่ อยู่ตรงข้ามโรงแรม ออน ออน ที่เขาว่าเป็นโรงแรมแห่งแรกของภูเก็ต บนถนนตะกั่วป่า ตั้งตระหง่านงามโดดเด่นขาวโพลน มีคนมาที่นี่เพื่อถ่ายภาพเยอะมาก มีมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันยามค่ำด้วยนะ
ใต้ตึกธนาคารกสิกรไทย
โรงแรมออน ออน ซึ่งตอนนี้มีชื่อใหม่ว่า The Memory of On On เพราะเปลี่ยนโฉมโดยสิ้นเชิงจากโรงแรม ออน ออน เก่า ที่หนุ่ม ลีโอนาโด้ ซึ่งตอนนี้ไม่หนุ่มแล้ว เคยมาถ่ายภาพยนต์เรื่อง The Beach
ด้านในตกแต่งสไตล์ โมเดิลชิโนโปรตุกีส น่าชักภาพไปทุกซอกทุกมุม ณ. จุดนี้ ขออุบรูปของโรงแรมไว้ก่อน แล้วจะเอามาฝากคราวหน้า เพราะเดี๋ยวมันจะกลายเป็น รีวิวโรงแรมไปซะ
รูปบนถนนถลาง
รูปบนถนนถลางอีกรูป
ซอยรมณีย์ บนนถนนถลาง ใครมาเมืองเก่าภูเก็ตก็ไม่วาย ต้องมาชักภาพที่นี่ และอย่างที่บอกไป ทางการภูเก็ตมีไฟสีสันสดใส ส่องตัวตึกเก่าให้มีความน่าสนใจ แถมไฟเปลี่ยนสีได้ด้วยนะ ย่านทองหล่อ ก็ทองหล่อเถอะ
รมณีย์สีเขียว
รมณีย์สีม่วง
ตึกบนถนนถลางตอนเป็นสีแดง
ถนนถลางอีกภาพ
เราขับรถมาอีกนิดเพื่อมาเก็บภาพวงเวียนหอนาฬิกาเก่า เพราะเริ่มเมื่อยขา เหงื่อแตก แต่เราก็ยังอยากจะเก็บภาพกันต่อไป
รูปนี้ถ่ายหน้าร้านกาแฟ The Circle ซึ่งยามที่ถ่ายร้านปิดไปแล้ว เพราะเปิดถึง 2 ทุ่ม เลยอดกินเค้กมะพร้าวแสนอร่อย ซึ่งวันหลังถ้ามีโอกาสจะรีวิว ให้อ่านนะจ๊ะ
ปิดอัลบัมด้วยรูปนี้แหละคร่า ณ.จุดนี้หิวน้ำเต็มที ต้องจรลีไปหาที่เย็นๆ ด่วน
ก่อนไป มีแผนที่เดิน เมืองเก่าภูเก็ตมาฝาก เผื่อใครงง เพราะก็เหมือนเมืองตามจังหวัดอื่นๆ ทั่วไป ที่เป็น oneway ทำให้ดูงงงวย สับสน
หากใครสนใจ ก็ขอเชิญมาเดินเล่นถ่ายภาพกันได้ที่ ภูเก็ตเมืองเก่าแห่งนี้ ทั้งฟ้าแจ้งและฟ้ามืด
ก็ขอจบการเขียนบล็อกเพียงแค่นี้... ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
No comments:
Post a Comment